Last updated: 28 ส.ค. 2562 | 896 จำนวนผู้เข้าชม |
ซื้อเพชรแบบไหนดีน้า ร้านนี้จะสูบเงินเราหรือเปล่า 4 Cs ที่เคยได้ยินสำคัญจริงมั้ย เงินเราจะพอหรือเปล่านะ
เคยมีคำถามเหล่านี้ในใจเวลาที่คุณเข้าร้านเพชร เพื่อซื้อเครื่องประดับสักชิ้นมั้ยคะ
ไม่ว่าเครื่องประดับนั้นจะเป็นการซื้อของขวัญให้ตัวเอง หรือซื้อให้ผู้อื่น
หลังจากที่เราได้แนะนำพื้นฐานในการเลือกซื้อเพชร ให้คุณได้เข้าใจ 4 คุณลักษณ์ของเพชร (4c) กับอีก 1C สำคัญคือใบเซอร์รับรอง (Certificate) ไปแล้ว
หากคุณยังไม่ได้อ่าน เราแนะนำให้ลองอ่านดูนะคะ เพื่อจะได้มีพื้นฐานเรื่องเพชรมากขึ้นค่ะ
ส่วนเนื้อหาในบทความนี้ คือการรวบรวมและสรุปทั้งหมด เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ที่ต้องการจะซื้อเพชร ได้เข้าใจ มั่นใจ และเลือกซื้อเพชรได้ตรงตามความต้องการโดยใช้ 4 คุณลักษณ์ของเพชรมาช่วยค่ะ
ก่อนที่จะเริ่ม มาทวนกันคร่าว ๆ ก่อนนะคะว่า 4Cs มีอะไรบ้าง
Carat คือน้ำหนักของเพชร น้ำหนักยิ่งมากยิ่งมีมูลค่าสูง
Cut คือการเจียระไน รูปทรงของเพชร ยิ่งแวววาว เล่นแสงมาก ก็แสดงว่าเกิดจากการเจียระไนขั้นสูง ราคาจึงสูงขึ้นไปด้วย
Color คือระดับสีของเพชร เพชรที่มีความขาวใสมาก ยิ่งเป็นเพชรที่มีราคาสูง
Clarity คือระดับความสะอาดของเพชร เพชรที่ไม่มลทิล ไม่มีตำหนิ ถือเป็นเพชรที่มีมูลค่าสูง
เอาล่ะ มาเริ่มกันเลยค่ะ
เครื่องประดับที่คุณซื้อ เป็นของขวัญล้ำค่าที่มีความเฉพาะตัว มีความหมายสำหรับคุณ และแน่นอนผู้ที่ได้รับ
ถ้าคุณต้องการจะซื้อแหวนเพชรด้วยงบ 30,000 บาท ก็ดีค่ะ
ถ้าคุณต้องการซื้อจะสร้อยคอเพชรด้วยงบ 50,000 และคุณสามารถซื้อได้ตามงบ ก็ดีค่ะ
หรือคุณต้องการซื้อแหวน สร้อยคอ สร้อยข้อมือ ต่างหู สำหรับว่าที่เจ้าสาวของคุณด้วยงบ 500,000 บาท ก็ดีเหมือนกันค่ะ
เราเพียงต้องการจะบอกคุณ คุณไม่ควรจะโฟกัสที่ราคาอย่างเดียว แต่เป็นคุณค่าที่อยู่ในนั้นมากกว่า
คุณควรจะพิจารณาถึงความต้องการของตัวเอง หรือความต้องการของผู้ที่คุณอยากซื้อให้ว่าเค้าชอบอะไร
งบประมาณเป็นเพียงตัวช่วยให้คุณได้เพชรที่มีคุณภาพเหมาะสมกับราคาที่คุณกำหนด ที่คุณกำหนดนะคะ ไม่ใช่ผู้ขายกำหนด
เพื่อให้ได้เพชรที่ตรงตามที่คุณต้องการมากที่สุด ใกล้เคียงงบประมาณของคุณมากที่สุด เราจึงขอแนะนำให้คุณเลือกซื้อเพชรตามคุณลักษณ์ของเพชรในแบบที่คุณต้องการมากที่สุด เช่น
หากคุณให้ความสำคัญกับขนาดของเพชร (Carat)
คุณควรมองหาเพชรที่เม็ดใหญ่ที่สุด เท่าที่งบของคุณจะจ่ายได้ และให้เลือกสังเกตุสี ความสะอาด เป็นอันดับรองลงมา
โดยตามธรรมชาติของเพชรแล้ว เพชรเม็ดใหญ่ จะส่องเห็นตำหนิภายในได้ง่ายกว่าเพชรที่มีขนาดเล็กกว่า แต่ไม่ต้องถึงขนาดที่ว่าสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าหรอกนะคะ เช่น
คุณอาจจะเลือกเพชรกลมขนาด 1 กะรัต เพราะเพชรกลมให้ความแวววาวมากกว่าเพชรรูปทรงอื่น โดยให้น้ำอยู่ที่ 96-95 (H,I) ความสะอาดอยู่ที่ VS1-2 ก็ได้ค่ะ เพราะยังถือว่าเป็นเพชรที่มีคุณภาพดี แต่ราคาย่อมเยาว์
หากคุณให้ความสำคัญกับการเจียระไนของเพชร (Cut)
ต้องบอกก่อนค่ะว่า คุณลักษณะส่วนนี้เป็นส่วนที่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งต่างจากการให้ความสำคัญในเรื่องของสีหรือความสะอาด
เพราะการเจียระไนมีผลโดยตรงต่อความสวยงามของเพชร ทั้ง ไฟ การสะท้อนแสง ความประกาย และความระยิบระยับ
ต่อให้คุณเลือกเพชรที่มีน้ำ 100 แต่ถ้าเพชรเจียระไนเกรด Good หรือ Fair เพชรเม็ดนั้นย่อมไม่เปล่งประกายเท่าที่ควร
ยิ่งไปหว่านั้นหากเป็นเพชรที่เจียระไนผิดสัดส่วน อาจส่งผลให้สัดส่วนไม่สวย เพชรหน้ามืด ดูหมอง ไม่แวววาวเท่าที่ควรเลยหล่ะค่ะ
เราขอแนะนำให้คุณเลือกเพชรที่มีเกรดการเจียระไนอย่างน้อยที่ระดับ Very Good หรือเบนงบไปในส่วน Excellent ได้ยิ่งดีค่ะ และให้ความสำคัญกับสัดส่วนของเพชรให้มาก
เช่น ความลึกไม่ควรเกิน 63% Table ไม่ควรเกิน 60% และขอบเพชร (Girdle) อยู่ระหว่าง Thin-Medium-Slightly Thick ค่ะ
เพราะยิ่งมีสัดส่วนที่ดีมากเท่าไหร่ cut ดีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งส่องประกายแวววาวมากเท่านั้น ส่วนคุณลักษณะอื่น อย่างขนาด น้ำ หรือสี ก็พิจารณารองลำดับลงมา
หากคุณให้ความสำคัญกับสีของเพชร (Color)
หากชอบเพชรที่มีความขาวใสก็อาจจะเลือกเพชรน้ำ 100, 99, 98 (D, E, F) ไปเลยค่ะ
แต่ถ้างบประมาณจำกัด ก็อาจจะเลือกเป็นเพชรเกรดเกือบไร้สี (Near Colorless) น้ำ 96, 95, 94 (H,I,J) ได้
เพราะเพชรเกรดเกือบไร้สีเมื่อมองจากด้านหน้า ก็ยังดูขาว แทบไม่ต่างจากเพชรไร้สี เมื่อบวกกับเพชรที่มีเกรดเจียระไนสูง ๆ ก็จะยิ่งส่งผลให้เพชรสะท้อนแสงดี ทำให้เพชรดูขาวขึ้นด้วยค่ะ
โดยคุณอาจจะลดสัดส่วนของน้ำหนัก (Carat) ลงมา และให้ความสะอาด (Clarity) อยู่ในระดับ VS2 เพราะเพชร VS2 ถือเป็นเพชรที่มีตำหนิเพียงเล็กน้อย และไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
หากคุณให้ความสำคัญกับความสะอาดของเพชร (Clarity)
แน่นอนว่าเพชรที่มีความสะอาดสูง ไร้ตำหนิ ก็มีส่วนในการส่องประกายของเพชร เช่นเดียวกัน แต่ก็ส่งผลให้ราคาสูงตามไปด้วย
ระดับความสะอาดที่ได้รับความนิยมสูงสุด จะอยู่ในระดับ VS1-2 (Very Slightly Include) เท่านั้น เพราะยังถือเป็นเพชรที่มีตำหนิขนาดเล็ก ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า และตำหนิไม่ขัดขวางการเดินทางของแสง จึงไม่มีผลต่อความสวยงามของเพชรค่ะ
นอกจากนี้ยังมีราคาที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับ VVS (Very Very Small) แต่ยังคงคุณภาพที่ใกล้เคียง ทำให้คุณสามารถเบนงบไปในส่วนของการเจียระไน ที่เป็นส่วนสำคัญในการเปล่งประกายของเพชรได้ค่ะ
แต่ถ้าคุณมีงบที่มากพอ หรือซื้อเพื่อการลงทุน ก็ควรเลือกเพชรในระดับ VVS1-2 ขึ้นไปค่ะ
โดยเฉพาะระดับ IF (Internally Flawless) ที่ถือเป็นเพชรที่สะอาดที่สุดแบบไร้ตำหนิ และเป็นเพชรหายาก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสะสมเพชร เพราะเพชรมีราคาสูงแบบก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับเพชรระดับ VVS และ VS
ใบเซอร์รับรอง (Certificate)
เมื่อกำหนดรูปแบบความต้องการได้แล้ว อีกหนึ่ง C ที่ควรให้ความสำคัญคือใบเซอร์รับรองหรือ Certificate
จะเข้าร้านเพชรทั้งที ขอให้เลือกร้านที่มี Certificate หรือใบเซอร์รับรองเพชรแท้นะคะ
เพื่อการันตีคุณภาพของเพชรว่าเป็นไปตามที่เราต้องการจริง ๆ เป็นเพชรแท้ในแบบที่เรากำหนดจริง ๆ จะได้ไม่เสียใจภายหลัง
Master Jewelry ของเราก็มีใบเซอร์รับรองเพชรแท้ที่ออกโดย 2 สถาบันคือ
เพื่อให้คุณมั่นใจในคุณภาพของเพชรแท้ และการันตีเพชรให้ตรงตามความต้องการของคุณ
สรุป
การเลือกซื้อเพชรอาจจะเป็นเรื่องที่น่ากังวลถ้าคุณเป็นมือใหม่
แต่เราเข้าใจ เราจึงได้รวบรวมข้อมูล ข้อแนะนำ และข้อควรพิจารณาเหล่านี้ เพื่อช่วยคุณคลายความกังวล และลบความประหม่าเหล่านั้นออกไป
คุณจะได้มีความมั่นใจเมื่อเดินเข้าร้านเพชร และมีความพร้อมในการเลือกซื้อเพชร พูดคุย บอกผู้ขายถึงสิ่งที่คุณต้องการ และเข้าใจในสิ่งที่ผู้ขายให้ข้อมูล
และสุดท้ายได้เพชรที่คุณต้องการจริง ๆ ค่ะ