Last updated: 16 มิ.ย. 2562 | 7654 จำนวนผู้เข้าชม |
นอกจากสติและเงินที่คุณต้องพกเวลาไปซื้อเพชรแล้ว อีกสิ่งหนึ่งก็คือที่ควรพกไปอย่างยิ่งก็คือ ความรู้ในการเลือกซื้อเพชรค่ะ
การเลือกซื้อเพชรไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าคุณมีความรู้และความเข้าใจถึงหลักสำคัญและองค์ประกอบที่ทำให้เพชรมีมูลค่าต่างกัน
และความรู้ในวิธีการเลือกซื้อเพชรนี้ จะช่วยให้คุณประเมินราคาและคุณภาพของเพชรได้อย่างเหมาะสม ทำให้คุณเลือกซื้อเพชรได้สวยถูกใจ ราคาเหมาะสม ตรงความต้องการของคุณมากขึ้นค่ะ
วันนี้ Master Guide By Master Jewelry จะมาแนะนำเทคนิคการดูระดับสีของเพชร หรือ Color หนึ่งในวิธีการเลือกซื้อเพชรที่มี 4 หลักสำคัญหรือเรียกว่า 4 คุณลักษณ์เพชร (4Cs) ด้วยกันคือ
สี (Color)
ความบริสุทธิ์ (Clarity)
การเจียระไน (Cut)
น้ำหนัก (Carat)
คุณลักษณะทั้ง 4 อย่างเป็นสิ่งที่กำหนดราคาของเพชร และเป็นองค์ประกอบที่ทำให้เพชรมีราคาต่างกัน มาเริ่มต้นด้วยพื้นฐานกันก่อนนะคะ
สีของเพชรจะมีตั้งแต่สีขาวใสไร้สี ไปจนถึงปนสีเหลือง โดยมูลค่าของเพชรจะแปรผันตามสี ยิ่งไร้สียิ่งมีมูลค่าสูง (ยกเว้นเพชรสีแฟนซีต่าง ๆ ค่ะที่ราคาขึ้นอยู่กับว่าหายากหรือหาง่าย)
เพชรส่วนใหญ่ที่คุณพบได้ในร้านขายจิวเวลรี่ เริ่มต้นจากขาวใสไร้สี ใกล้เคียงกับไร้สี ไปจนถึงสีเหลืองหรือน้ำตาลเล็กน้อย
สถาบันอัญมณีศาสตร์แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ GIA พัฒนาระบบการจัดลำดับสีของเพชร ด้วยการใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษโดยเรียงจาก D ไล่ไปถึง Z โดย D จะหมายถึงเพชรที่มีความขาวใสไร้สีมากที่สุด
คนไทยเรียกสีของเพชรว่า “น้ำ” และใช้เลขเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ โดยความขาวใสไร้สีสูงสุดอยู่ที่ 100 เปอร์เซ็นต์ “น้ำ” ยิ่งสูงก็จะยิ่งขาวใสไร้สี และไม่มีสีเหลืองเจือปน เช่น
เพชรน้ำ 100 คือเพชร D Color
เพชรน้ำ 99 คือเพชร E Color
เพชรน้ำ 94 คือเพชร J Color
GIA ได้แบ่งระดับสีของเพชรดังนี้ค่ะ
D = 100
E = 99
F = 98
G = 97
H = 96
I = 95
J = 94
K = 93
L = 92
M = 91
ไล่ไปจนถึง Z = 78
ระดับ D-F หรือ Colorless ใส ขาว หรือขาวอมฟ้าในเนื้อเพชร การจะได้ระดับสีตามที่ GIA ต้องการนั้นต้องมีการวัดค่าสีด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยี และต้องได้นักอัญมณีศาสตร์สรุปว่าเพชรนี้ได้สีอะไร และต้องมีนักอัญมณีศาสตร์ 3 คนโดย 2 ใน 3 นั้นต้องมีความเห็นเดียวกันถึงจะได้ระดับสีตามที่ GIA ต้องการค่ะ
ระดับ G-J หรือ Near Colorless โดย G-H เป็นระดับสีที่คนส่วนใหญ่ทั่วโลกต้องการ สีขาวแต่เนื้อเพชรมีประกายแสงออกมานวล ๆ โทนเหลืองอ่อน ในระหว่างระดับสีของเพชรในช่วง I-J นั้นจะออกไปทางโทนเหลือง ที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าค่ะ
ระดับ K-M หรือ Faint เป็นเพชรที่มีระดับสีเหลืองชัดมาก นิยมใช้ในเพชรเม็ดใหญ่ 3 กะรัตขึ้นไป เพื่อลดต้นทุนในการซื้อเพชร
แล้วทำไมเริ่มจากตัว D ล่ะ ?
ย้อนเวลากลับไปกันหน่อยค่ะว่าก่อนที่ GIA จะพัฒนาระบบการจัดลำดับสีจนกลายมาเป็นมาตรฐานสากลในปัจจุบันนั้น มีหลาย ๆ คนพยายามที่จะจัดระบบการจัดลำดับสีในการซื้อขายเพชร โดยใช้ตัวอักษรบ้าง (A, B และ C) ตัวเลขบ้าง (0, 1, 2, 3) ตัวเลขโรมันบ้าง (I, II, III)
แต่ผลลัพธ์ของระบบนี้ไม่สอดคล้องกันและไม่ถูกต้อง
GIA ก็เลยเริ่มต้นระบบการจัดลำดับสีใหม่ โดยเลือกที่จะเริ่มต้นด้วยความแตกต่าง ไม่เหมือนใคร ก็เลยเป็นที่มาว่าทำไมต้องเริ่มจากตัวอักษร D ค่ะ
แล้วมีวิธีการดูระดับสีของเพชรแบบง่าย ๆ มั้ย ?
วิธีการดูระดับสีแบบง่าย ๆ คือให้คุณหันก้นเพชรลง ก็จะเห็นสีของเนื้อเพชรได้ชัดขึ้น แต่ถ้าเพชรอยู่ในตัวเรือนหรือเนื้อเพชรสกปรกจากคราบไขมันก็จะดูยากหน่อยค่ะ
แล้วพบกันคราวหน้ากับ เทคนิคการดูความบริสุทธิ์ของเพชร (Clarity) อีกหนึ่งคุณลักษณ์ที่คุณต้องรู้ในการเลือกซื้อเพชรค่ะ